ประวัติจังหวัดกาญจนบุรี

กาญจนบุรี เป็นจังหวัดหนึ่งในภาคกลางที่อุดมไปด้วย ทรัพยากรทางด้านการท่องเที่ยว อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ 129 กม. มีพื้นที่ประมาณ 19,483 ตร.กม. ภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นป่าเขา มีทั้งป่าโปร่งและป่าดงดิบ มีแม่น้ำสำคัญสองสายคือ แม่น้ำแควใหญ่ และแม่น้ำแควน้อย ซึ่งไหลมาบรรจบกันบริเวณตัวเมือง กาญจนบุรี เป็นแหล่งก่อเกิดอารยธรรม สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ และแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่น่าสนใจมากมาย

อาณาเขต

ทิศเหนือ ติดต่อกับสหภาพพม่า
ทิศใต้ ติดต่อกับจังหวัดราชบุรีและจังหวัดนครปฐม
ทิศตะวันออก ติดต่อกับจังหวัดสุพรรณบุรี
ทิศตะวันตก ติดต่อกับสหภาพพม่า

สะพานข้ามแม่น้ำแคว

สะพานข้ามแม่น้ำแคว
เป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญยิ่งแห่งหนึ่ง สร้างขึ้นสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยกองทัพญี่ปุ่นได้เกณฑ์เชลยศึก พันธมิตร ได้แก่ ทหารอังกฤษ อเมริกัน ออสเตรเลีย และฮอลันดา จำนวนมากมาสร้างทางรถไฟสายยุทธศาสตร์ผ่าน ประเทศพม่า ซึ่งมีส่วนหนึ่งจะต้องข้ามแม่น้ำแควใหญ่ การสร้างสะพานและทางรถไฟสายนี้เป็นไปด้วยความยากลำบาก เพราะความทารุณของสงครามและโรคภัยตลอดจนขาดอาหาร ทำให้เชลยศึกจำนวนหลายหมื่นคนต้องเสียชีวิตลง สะพานข้ามแม่น้ำแควตั้งอยู่ที่ตำบลท่ามะขาม ห่างจากตัวเมืองไปทิศเหนือตามทางหลวงหมายเลข 323 ประมาณ 4 กม. แยกซ้ายประมาณ 400 เมตร มีป้ายเขียนบอกไว้ชัดเจน

ทางรถไฟสายประวัติศาสตร์ (สายมรณะ)

ทางรถไฟสายประวัติศาสตร์ (สายมรณะ)
ถ้ำนี้เป็นถ้ำที่เคยเป็นที่พักของเชลยศึกเมื่อครั้งสร้างเส้นทางรถไฟสายมรณะจากไทยไปพม่า ตัวถ้ำติดกับเส้นทางรถไฟสายกาญจนบุรี–น้ำตก วึ่งเป็นทางรถไฟสายประวัติศาสตร์สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ปัจจุบันสิ้นสุดที่สถานีรถไฟน้ำตก ภายในถ้ำโปร่งและมีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประดิษฐานอยู่ มองจากปากถ้ำมาที่บริเวณทางรถไฟจะเห็นทิวทัศน์ที่งดงามและมองเห็นแม่น้ำแควน้อยอยู่เบื้องล่าง บริเวณนี้เป็นจุดที่สร้างทางรถไฟยากที่สุด เนื่องจากเส้นทางโค้งเลียบเขา

พิพิธภัณฑ์อักษะเชลยศึก หรือ พิพิธภัณฑ์สงครามวัดใต้

พิพิธภัณฑ์อักษะเชลยศึก หรือ พิพิธภัณฑ์สงครามวัดใต้
จัดสร้างขึ้นเป็นกระท่อมที่มีสภาพคล้ายค่ายเชลยศึก สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นที่รวบรวมภาพวาดและภาพถ่ายตลอดจน เครื่องมือ เครื่องใช้ในสมัยนี้ นอกจากนี้ยังมีเศษลูกระเบิดที่ตกอยู่ตามที่ต่างๆ ระหว่างสงครามแสดงไว้ในบริเวณรอบ พิพิธภัณฑ์นี้ตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำแม่ กลอง ในบริเวณวัดไชยชุมพลชนะสงคราม (วัดใต้) ถนนไชยชุมพล เปิดให้ เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น. ค่าเข้าชมชาวไทย 5 บาท ชาวต่างประเทศ 25 บาท

หอศิลป์และพิพิธภัณฑ์สงครามโลกครั้งที่ 2

หอศิลป์และพิพิธภัณฑ์สงครามโลกครั้งที่ 2
เป็นสถานที่เก็บรักษาสิ่งที่เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์สมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ได้แก่ อาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ โครงกระดูกของเชลยสงคราม และภาพถ่ายเหตุการณ์ในสมัยนั้น นอกจากนี้บางส่วนยังจัดทำเป็นหอศิลป์เก็บรวบรวม สิ่งของต่างๆ เช่น แสตมป์ ไปรษณียบัตรโบราณ เพชร พลอย และเครื่องประดับ เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 09.00 -18.00 น. ค่าเข้าชมชาวไทย 20 บาท ชาวต่างประเทศ 30 บาท รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ โทร. (034) 512596

วัดมังกรทอง

วัดมังกรทอง
อยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 4 กม. บนฝั่งแม่น้ำแม่กลอง ตั้งอยู่เชิงเขาใกล้ถ้ำ การเดินทางใช้เส้นทางที่แยกซ้ายจากหน้าศาลากลางจังหวัดไปประมาณ 1.5 กม. ข้ามสะพานข้ามแม่น้ำแม่ กลองไปยังวัดถ้ำมังกรทองได้ สิ่งที่น่าสนใจคือ การแสดงทำสมาธิลอยตัวในน้ำมีผู้สนใจมาชมการแสดงลอยตัวในน้ำเป็นประจำ

วัดป่าเลไลย์

วัดป่าเลไลย์
เป็นวัดร้างที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยอยุธยา เดิมชาวบ้านเรียกว่า "วัดผ่าอก" ซึ่งเดิมมีพระพุทธรูปปางมารวิชัยประดิษฐานอยู่ภายในมณฑปได้ถูกเจาอกองค์พระจนทะลุ จึงได้ชื่อว่า วัดผ่าอก ในปี พ.ศ.2517 พระสงฆ์และชาวบ้านได้ร่วมกันสร้างพระพุทธรูปปางป่าเลไลยก์ขึ้นแทนเพื่อให้สอดคล้องกันกับเสภาเรื่องขุนช้างขุนแผน ซึ่งอยู่ห่างจากวัดขุนแผนไปทางทิศเหนือประมาณ 500 เมตร โบราณสถานที่สำคัญได้แก่ มณฑป วิหาร และเจดีย์ โบราณวัตถุที่พบได้แก่ ภาชนะดินเผา เครื่องสังคโลก เครื่องถ้วยหิน ฯลฯ

น้ำตกไทรโยคน้อย หรือ น้ำตกเขาพัง

น้ำตกไทรโยคน้อย หรือ น้ำตกเขาพัง
เป็นน้ำตกที่สวยอีกแห่งหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี ในฤดูฝนจะมีน้ำตกลงตามหน้าผา ส่วนฤดูแล้งจะ ไม่มีน้ำ แต่บริเวณน้ำตกก็ยังคงสภาพธรรมชาติที่สวยงามร่มรื่น น้ำตกเขาพังอยู่ริมถนนสายกาญจนบุรี-ไทรโยค-ทองผาภูมิ ห่างจากตัวเมือง 52 กม. การรถไฟแห่งประเทศไทยจะจัดรถไฟสายน้ำตกพานักท่องเที่ยวไปชมน้ำตกแห่งนี้ทุกวันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดราชการติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร. 2237010 และ 2237020

น้ำตกไทรโยคใหญ่ หรือ น้ำตกเขาโจน

น้ำตกไทรโยคใหญ่ หรือ น้ำตกเขาโจน
ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติไทรโยค เนื่องจากเป็นน้ำตกที่ไหลตกลงจากหน้าผาลงสู่แม่น้ำแควน้อยราวกับกระโจนลงมา น้ำตกไทรโยคใหญ่จะมีน้ำตลอดปี และน้ำจะแรงมากในฤดูฝน และในอดีตพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) เคยเสด็จประพาส ณ น้ำตกแห่งนี้ เมื่อวันที่อาทิตย์ที่ 3 ขึ้น 1 ค่ำ เดือน 3 พ.ศ. 2420 ปีฉลู ภายในอุทยานมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติหลายเส้นทาง และมีจุดชมวิวสะพานแขวนไทรโยคที่จะเห็นน้ำตกไทรโยคได้ชัดเจน อัตราค่าเข้าชมอุทยานฯ ชาวไทย ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท ชาวต่างประเทศ ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท บริเวณอุทยานมีบริการร้านอาหาร แพพัก แพล่อง เรือเช่า บ้านพัก ค่ายพักแรมและสถานที่กางเต็นท์ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติไทรโยค โทร. 0 3451 6163 และที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช บางเขน กรุงเทพฯ โทร. 0 2562 0760 วันจันทร์-ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 08.30-18.00 น. วันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 09.00-15.30 น.

วัดวังเวการาม

วัดวังเวการาม
ตั้งอยู่ห่างจากตัวอำเภอสังขละบุรีประมาณ 3 กม. มีวิหารริมแม่น้ำประดิษฐานพระพุทธรูปหินอ่อนอ้นงดงามและเป็นที่จำพรรษาของ "หลวงพ่ออุตตมะ" พระเกจิอาจารย์ชื่อดังซึ่งประชาชนชาวไทย ชาวมอญ รวมทั้งกระเหรี่ยงและพม่าที่อาศัยอยู่บริเวณนั้นเคารพนับถือจากบริเวณวัดวังก์วิเวการามไปอีก 1 กม.จะเป็นที่ตั้งของเจดีย์แบบพุทธคยาบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ

เขื่อนวชิราลงกรณ์ หรือชื่อเดิม เขื่อนเขาแหลม

เขื่อนวชิราลงกรณ์ หรือชื่อเดิม เขื่อนเขาแหลม
เป็นเขื่อนหินทิ้ง ดาดหน้าด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก สูง 92 เมตร ความยาวสันเขื่อน 1,019 เมตร กั้นลำน้ำแควน้อย เขตตำบลท่าขนุน อยู่เหนืออำเภอทองผาภูมิ ประมาณ 6 กม. ห่างจากจังหวัดกาญจนบุรีตามเส้นทางหมายเลข 323 ไปทางเหนือประมาณ 147 กม. เป็นเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำของการไฟฟ้าฝ่ายผลิต มีบ้านพักบริการ ติดต่อโทร. 4363179 และ 4244794 หากเดินทาง เลยทางแยกเข้าเขื่อนไป 3-4 กม. จะถึงแพเขื่อนเขาแหลม ซึ่งเป็นที่ตั้งของแพและร้านอาหารหลายแห่ง ตกแต่งร้านเข้ากับทะเลสาปตามธรรมชาติอย่างสวยงาม

ด่านเจดีย์สามองค์

ด่านเจดีย์สามองค์
มีเนื้อที่ 343,750 ไร่ ประกาศเป็นเขตอุทยานฯ เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2518 มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ คือเขตสิ้นสุดชายแดนไทยด้านทิศตะวันตก ตั้งอยู่ที่ตำบลหนองลู ไปตามทางหลวงหมายเลข 323 โดยก่อนถึงตัวอำเภอสังขละบุรี 4 กิโลเมตร จะมีทางแยกด้านขวาไปด่านเจดีย์สามองค์ เป็นระยะทางประมาณ 18 กิโลเมตร เส้นทางลาดยางตลอดสาย พระเจดีย์สามองค์นี้เดิมเรียกว่า หินสามกอง เป็นที่สักการะของคนไทยโดยทั่วไปก่อนเดินทางออกจากเขตแดนไทยเข้าสู่เขตแดนพม่า ต่อมาในปี พ.ศ. 2472 พระศรีสุวรรณคีรี เจ้าเมืองสังขละบุรีได้เป็นผู้นำชาวบ้านก่อสร้างเจดีย์ขนาดเล็กสามองค์ดังที่เห็นในปัจจุบัน นอกจากนี้ด่านเจดีย์สามองค์ยังเป็นช่องทางเดินทัพที่สำคัญของไทยและพม่าในอดีต บริเวณด่านเจดีย์สามองค์ มีร้านขายสินค้าจากประเทศพม่า นักท่องเที่ยวสามารถข้ามชายแดนเข้าไปชมตลาดพญาตองซู ซึ่งเป็นตลาดชายแดนที่มีการจำหน่ายสินค้าของพม่า โดยนักท่องเที่ยวจะต้องเสียค่าผ่านด่าน (ฝั่งประเทศพม่า) ชาวไทย 25 บาท ชาวต่างประเทศ 10 เหรียญสหรัฐ รถยนต์ คันละ 50 บาท ตั้งแต่เวลา 06.00-18.00 น. สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ด่านตรวจคนเข้ามืองสังขละบุรี โทร. 0 3459 0105, 0 3459 5335

สะพานไม้มอญ

สะพานไม้มอญ
อยู่ไม่ไกลจากวัดวังก์วิเวการามนัก จะมีแยกทางเข้าเล็กๆ (สังเกตดีๆ นะครับ ผมยังหาไม่ค่อยเจอเลย) เมื่อเราเดินทางไปวัดฯ เราสามารถสังเกตเห็นสะพานไม้มอญได้แต่ไกล ลำพังสะพานนี้ก็ไม่ค่อยมีอะไรเด่นนัก แต่สิ่งที่ดึงดูดใจผม มากที่สุดก็จะเห็นได้แก่ บรรยากาศรอบๆ ซึ่งจริงๆ แล้วอำเภอสังขละนี้อยู่บริเวณที่สูง สภาพอากาศที่นี่จะร่มเย็น และบางทีคลึ้มฟ้าคลึ้มฝนตลอดทั้งวัน ทิวทัศน์โดยรอบเมื่อมองไปก็จะเห็นสีเขียวของทุ่งหญ้าตัดกับพื้นน้ำ และขอบฟ้า

น้ำตกเอราวัณ

น้ำตกเอราวัณ
เป็นน้ำตกที่ใหญ่ และสวยงาม บนฝั่งแม่น้ำแควใหญ่ น้ำตกเอราวัณมีความยาว 2,000 เมตร ทั้งหมด 7 ชั้น อยู่ห่างจากตัวเมือง 65 กม. ขึ้นไปบนเส้นทางสายกาญจนบุรี-ศรีสวัสดิ์ (ทางหลวงหมายเลข 3199) เมื่อถึงกม.ที่ 56 แยกซ้ายข้ามสะพานเข้าตลาดเขื่อนศรีนครินทร์ตรงไปอีกประมาณ 3 กม. ถึงลานจอดรถแล้วเดินต่อไปอีก 500 เมตร จะถึงน้ำตก สำหรับการเดินทางโดยรถประจำทาง มีรถออกจากสถานีขนส่งใกล้ที่ทำการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย มายังตลาดเขื่อนศรีนครินทร์ทุกวัน ที่บริเวณน้ำตกเอราวัณมีบ้านพักของกองอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้ ไว้บริการนักท่องเที่ยวด้วย ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร. 579-0529, 579-4842

เขื่อนศรีนครินทร์

เขื่อนศรีนครินทร์
อยู่ห่างจากน้ำตกเอราวัณ ประมาณ 4 กิโลเมตร ทางตอนบนของแม่น้ำแควใหญ่ เป็นเขื่อนหินถมแกนดินเหนียวที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยกั้นแม่น้ำแควใหญ่ เป็นเขื่อนเอนกประสงค์ที่อำนวยประโยชน์ทั้งในด้านการชลประทาน การลดอุทกภัยในลุ่มแม่น้ำแม่กลอง รวมทั้งการผลิตกระแสไฟฟ้า การประมง และเหนือสันเขื่อนยังมีทิวทัศน์ที่สวยงามเหมาะสำหรับเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ เขื่อนศรีนครินทร์อยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 70 กิโลเมตร บนทางหลวงสาย 3199 (กาญจนบุรี-ศรีสวัสดิ์) ทางเขื่อนมีบ้านพักรับรองไว้บริการนักท่องเที่ยว สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย โทร. 0 2436 6046-8 รานอาหารเรือล่อง โทร. 0 3457 4001 ต่อ 2455, 2457

สวนเวลารำลึก

สวนเวลารำลึก
เป็นสวนที่อยู่ภายในเขื่อนศรีนครินทร์ ที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยได้สร้างขึ้นมาเพื่อเฉลิมพระเกียรติและรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ ในวโรกาสที่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีทรงเจริญพระชนมายุครบ 90 พรรษา เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2533 สวนเวลารำลึกนี้เป็นสวนประติมากรรม บอกเวลาบนลานกว้างของพื้นที่สวน 30 ไร่ของเขื่อนศรีนครินทร์ เป็นเครื่องเตือนใจให้รำลึกถึงคุณค่าแห่งชีวิตที่ก้าวล่วงเวลาทุกนาทีที่ผ่านไป สมดังพระราชหฤทัยของสมเด็จย่าที่ทรงตระหนักเป็นแน่แท้ว่า “เวลาเป็นของมีค่า” ซึ่งควรจะใช้เวลาให้เกิดประโยชน์อย่างเต็มที่ ไม่ควรปล่อยให่ล่วงเลยไปอย่างไร้ประโยชน์ สัญลักษณ์แห่งสวนนี้จึงเป็นนาฬิกาแดดและลานรอบนาฬิกาแดดเป็นประติมากรรม คอนกรีตเสริมเหล็ก ทางเข้าจะเป็นบ่อน้ำพุขนาดใหญ่ บนลานโดยรอบจะมีที่นั่งพักผ่อนเพื่อชมทิวทัศน์ที่สวยงามของเขื่อนศรีนครินทร์

เขื่อนท่าทุ่งนา

เขื่อนท่าทุ่งนา
อยู่ภายใต้การดูแลของการไฟฟ้าฝ่ายผลิต ภายในเขื่อนมีบรรยากาศร่มรื่น มีที่พัก สามารถติดต่อได้ที่การไฟฟ้า ก่อนถึงเขื่อนศรีนครินทร์ เราจะพบป้ายบอกทางแยกเลี้ยวซ้ายไปเขื่อท่าทุ่งนา

อุทยานแห่งชาติเฉลิมรัตนโกสินทร์ (ถ้ำธารลอด)

อุทยานแห่งชาติเฉลิมรัตนโกสินทร์ (ถ้ำธารลอด)
เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ประกอบด้วยสถานที่ที่น่าสนใจหลายแห่งคือ ถ้ำธารลอดน้อย น้ำตกไตรตรึงษ์ ถ้ำธารลอดใหญ่ น้ำตกธารเงิน น้ำตกธารทอง เขาไม้หอม เขากำแพง เขาพุร้อน และเขาสวรรค์หล่น อุทยานแห่งชาติเฉลิมรัตนโกสินทร์หรืออุทยานแห่งชาติธารลอดนี้มีเนื้อที่ 36,875 ไร่ ประกาศเป็นอุทยานฯ เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2523 เส้นทางเดินป่าในเขตอุทยานฯ แบ่งเป็นสองเส้นทาง เส้นทางแรกจะไปยังถ้ำธารลอดน้อย น้ำตกไตรตรึงษ์ และถ้ำธารลอดน้อย มีลำธารไหลผ่านทะลุถ้ำ ลำธารนี้มีชื่อว่า ลำกระพร้อย ภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อยสวยงาม เมื่อพ้นถ้ำธารลอดน้อยออกมาจะเป็นป่า เดินต่อไปอีก 1.5 กม. จะถึงน้ำตกไตรตรึงษ์ ถัดจากน้ำตกไตรตรึงษ์ไปอีกราว 1 กม. จะถึงถ้ำธารลอดใหญ่

โบราณสถานพงตึก

โบราณสถานพงตึก
มีหลักฐานที่เชื่อได้ว่ากาญจนบุรีเคยเป็นที่ตั้งของเมืองโบราณสมัยทวารวดี (ประมาณพุทธศตวรรษที่ 6-7) ทั้งนี้เนื่องจากกรมศิลปากรได้ขุดพบโบราณวัตถุสมัยอมราวดี และทวารวดีเป็นจำนวนมากที่พงตึก เมื่อปี พ.ศ. 2478 เช่น ตะเกียงทองสัมฤทธิ์โรมัน พระพุทธรูป ฯลฯ และต่อมาในปี พ.ศ. 2478 ดร. เวลส์ ผู้แทนสมาคมค้นคว้าวัตถุโบราณจากประเทศอินเดีย ได้เดินทางมาสำรวจและขุดค้นโบราณวัตถุที่พงตึกเพิ่มเติมและยืนยันว่าสถานที่แห่งนี้เคยเป็นเมืองโบราณที่เจริญรุ่งเรืองมากเมื่อสมัยพันปีมาแล้ว พงตึกอยู่ในเขตอำเภอท่ามะกาห่างจากตัวเมืองกาญจนบุรีไปทางใต้ประมาณ 38 กม. ถนนเข้าพงตึกจะแยกจากถนนแสงชูโต ข้ามสะพานจันทรุเบกษาแล้วเลี้ยวขวาไปวัดดงสัก ซึ่งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงโบราณสถานพงตึกนี้

วัดถ้ำเขาน้อย

วัดถ้ำเขาน้อย
อยู่ติดกับวัดถ้ำเสือ วัดนี้ประดับประดาไปด้วยสิ่งก่อสร้างต่างๆ ซึ่งมีศิลปะแบบจีน และมีความงามสะดุดตา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเก๋งจีนบนยอดเขา

วัดถ้ำเสือ

วัดถ้ำเสือ
ตั้งอยู่ที่ตำบลม่วงชุม อำเภอท่าม่วง อยู่ห่างจากเขื่อนวชิราลงกรณ์ ประมาณ 4 กม. ทางเข้าวัดต้องผ่านตัวเขื่อนวชิราลงกรณ์แล้วเลี้ยวขวา วัดนี้มีพระพุทธรูปปางประทานพรขนาดใหญ่อยู่บนยอดเขา มีพุทธลักษณะที่สวยงามมาก และอุโบสถอัฏมุขเป็นลักษณะทรงไทยมีลวดลายสวยงามวิจิตรตระการตา

เขื่อนแม่กลอง

เขื่อนแม่กลอง
เป็นเขื่อนทดน้ำขนาดใหญ่ อยู่ในเขตอำเภอท่าม่วง ห่างจากตัวเมืองลงไปทางใต้ประมาณ 14 กม. เป็นเขื่อนที่มีความสำคัญที่สุดในโครงการพัฒนาลุ่มน้ำแม่กลอง ครอบคลุมพื้นที่ 3 ล้านไร่ ในจังหวัดสุพรรณบุรี กาญจนบุรี ราชบุรี นครปฐม สมุทรสงคราม และสมุทรสาคร ตัวเขื่อนกว้าง 117.50 เมตร ยาว 1,650 เมตร บริเวณเหนือเขื่อนมีทิวทัศน์สวยงาม

น้ำตกเกริงกระเวีย

น้ำตกเกริงกระเวีย
ขึ้นอยู่กับเขตอุทยานแห่งชาติเขาแหลม ตั้งอยู่ริมทางหลวงหมายเลข 323 (ทองผาภูมิ-สังขละบุรี) กิโลเมตรที่ 32–33 ใกล้กับน้ำตกไดช่องถ่อง ห่างจากอำเภอกาญจนบุรีประมาณ 173 กิโลเมตร เป็นน้ำตกขนาดเล็ก จะมองเห็นสายน้ำแผ่กระจายไหลมาจากหลายทิศทาง เหมาะสำหรับเป็นจุดพักผ่อนระหว่างการเดินทางไปอำเภอสังขละบุรี สามารถนั่งรถโดยสารสายกาญจนบุรี-สังขละบุรี จากตัวเมืองมาได้ ค่าโดยสาร 90 บาท ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง

น้ำตกห้วยขมิ้น

น้ำตกห้วยขมิ้น
ตั้งอยู่บริเวณที่ทำการอุทยานฯ ริมทะเลสาบเขื่อนศรีนครินทร์ ห่างจากกาญจนบุรีประมาณ 108 กม. น้ำตกห้วยขมิ้นมีสภาพสวยงามเป็นอย่างยิ่ง ทั่วบริเวณร่มรื่นด้วยพันธุ์ไม้ป่านานาชนิด น้ำตกแบ่งออกเป็นหลายชั้น แต่ละชั้นมีความสูงและความงดงามต่างกันไป อุทยานฯ ได้ทำทางเดินเท้าสำหรับขึ้นไปชมน้ำตกแต่ละชั้น ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การท่องเที่ยวอยู่ในช่วงเดือนตุลาคม-กุมภาพันธ์

วันอังคารที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

โปรแกรมท่องเที่ยวกาญจนบุรี

โปรแกรม เที่ยวป่าและอุทยานฯ จ.กาญจนบุรี มีมากมายครับ ที่พอขึ้นชื่อหน่อย ก็เห็นจะมีไทรโยค น้ำตกเอราวัณ เขาแหลม สังชละ เขื่อนศรีนครินทร์ เฉลิมรัตนโกสินทร์ ฯลฯ หากจะให้แนะนำทั้งหมดก็คงจะมาเกินไป สำหรับทริปนี้ ขอแนะนำ อุทยานฯน้ำตกเอราวัณ ... หากต้องการรายการอื่น กรุณาติดต่อ info@thai-tour.com (บริการพร้อมคำแนะนำ ฟรี!)

ที่พัก ก็มีอยู่หลายจุดครับ เช่น ที่พักที่อุทยานแห่งชาติเอราวัณ, ที่พักเหนือเขื่อนศรีนครินทร์ หรือรีสอร์ทต่างๆ บริเวณนั้น คลิกดูรายละเอียดที่พัก แนะนำให้หาที่พักแถวเหนือเขื่อนศรีนครินทร์จะสะดวกหน่อย (หมายเหตุ: อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ และ เขื่อนศรีนครินทร์อยู่คนละที่นะครับ ไม่ใกล้กันเท่าไร)
จากกรุงเทพฯ ถึง ตัวเมืองกาญฯใช้เวลา 1 1/2 ชม. - 2 ชม. ขึ้นอยู่กับ สภาพการจราจรและความเร็ว หากเดินทางช่วงฤดูฝน ก็ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษหน่อย ออกเดินทางเช้าหน่อย 7 โมงเช้า กำลังดี

วันที่ 1
8.30 น.
ถึงตัวเมืองกาญฯ พลาดไม่ได้กับ สะพานข้ามแม่น้ำแคว และบริเวณรอบๆ เราอาจจะแวะชมพิพิธภัณฑ์สงครามโลกครั้งที่ 2 หน่อยก็ได้ เที่ยวแถวนี้ไม่ควรใช้เวลามากว่า 45 นาที

10.00 น.
ลุยประสาทเมืองสิงห์ ศิลปะที่นี่เป็นยุคเดียวกับ ปราสาทนครวัด-นครธมโน่นแนะครับ แต่งชุดสวยๆ ถ่ายรูปข้างๆ กำแพงปราสาท มุมเด็ดครับ ใช้เวลาแถวนี้ 20 นาทีก็พอ

10.20 น.
ตรงไปอุทยานแห่งชาติน้ำตกเอราวัณ คลิกดูรายละเอียด ใช้เส้นทาง 3199 ใช้เวลาประมาณ 1 1/2 ชม.

12.00 น.
เมื่อถึงน้ำตกแล้วอย่าลืมดูว่า โขดหินบริเวณน้ำตกเป็นรูปเศียรช้างเอราวัณหรือเปล่า น้ำตกนี้มีถึง 7 ชั้นด้วยกัน ผมแนะนำเดินชมนกชมไม้ ถึงชั้นที่ 3 ก็พอแล้วเอ..เกือบลืมบอกไปหากรู้สึกหิวก็ควรทานอาหารแถวๆอุทยานก่อนครับ ไม่ควรรีบร้อนเที่ยว หากใครต้องการเล่นน้ำตกก็ควรเตรียมชุดไว้ได้เลย เที่ยวหน้าฝนก็ควรระวังลื่นไว้บ้าง เลือกรองเท้าที่เกาะพื้นไว้หน่อย ร้องเท้าแตะไม่ไหวแน่ครับ สำหรับผู้เที่ยวต้องการถ่ายรูปก็ต้องเตรียมฟิลม์ไว้หน่อย ในป่าอย่างนี้ก็ต้อง ฟิลม์ 200 ขึ้นไป อย่าลืมขาตั้งกล้องด้วย มุมน้ำตกเด็ดๆ ก็เลือกตามใจชอบ สำหรับผู้ที่นิยมธรรมชาติ ระหว่างเดินก็อย่าก้มหน้าก้มตาอย่างเดียวครับ ลองเงยหน้าดูบนยอดไม้บ้าง ตลอดทางมีโอกาสได้สัมผัสเสียงและเห็นนกป่านานาชนิดแน่ (สำหรับที่นี่ใช้เวลา 2-3 ชม. กำลังดี

15.00 น.
เขื่อนศรีนครินทร์ สูดกลิ่นไอธรรมชาติ ชมทะเลสาบพร้อมอาหารมื้อเย็นแสนจะโรแมนติก บริเวณเขื่อน หากพอมีเวลา เราก็สามารถหาเรือเช่าไปตกปลาหรือชมธรรมชาติก็ได้ เสร็จแล้วกลับที่พักบริเวณเขื่อนฯ
วันที่ 2
8.00 น.
ออกเดินทางไป ถ้ำพระธาตุ เป็นถ้ำขนาดใหญ่มีหินงอกหินย้อยสวยงามมาก

10.00 น.
จากนั้น เดินทางอีกกว่า 30 กม. ไปชม น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น ซึ่งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ ระหว่างทางควรแวะทานอาหารให้เรียบร้อย หรือซื้อเตรียมไว้ทานที่น้ำตก (เพราะบริเวณน้ำตกหาร้านค้าลำบาก)

14.00 น.
เดินทางกลับที่พัก (หากยังไม่เช็คเอาท์) อาบน้ำและเก็บสัมภาระเดินทางกลับ

16.00 น.
แวะชอปปิ้งแถวตัวเมืองอีกครั้ง สินค้าเลื่องชื่อก็เห็นจะเป็นพวกของกวน, ทองม้วนสด ฯลฯ ผมแนะนำทานอาหารเย็น แถวแพริมน้ำแควนี่เลย บรรยากาศตรงสองแม่น้ำมาบรรจบกัน เหนือคำบรรยาและยิ่งยามพระอาทิตย์ตกแล้วละก็....สุดๆ

18.30 น.
เดินทางกลับกรุงเทพฯ